ลงตัวเกณฑ์ใหม่ประเมินวิทยฐานะ



จะมีระบบ Fast track ให้ครูสามารถเลื่อนประเมินข้ามวิทยฐานะได้ เช่น ระดับชำนาญการ ขอเสนอประเมินระดับเชี่ยวชาญได้ ...ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เผยภายหลังการประชุม อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจ เพื่อพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนวิทยฐานะว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีและเลื่อนวิทยฐานะ ว 2 ที่เดิมจะประกาศใช้ในเดือน ต.ค. 2551 แต่ต้องชะลอไว้ก่อนเพื่อปรับปรุงใหม่ โดยในการประชุมได้นำข้อมูลจากการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริหาร ครู ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสมาคมและสมาพันธ์ครู เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. มาประกอบการพิจารณา ซึ่งได้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมชัดเจนแล้ว และจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาวันที่ 29 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้กรอบเกณฑ์ใหม่จะเน้น 3 ด้านหลัก คือ 1. ด้านวินัย คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จะดูจากทะเบียนประวัติ การประเมินด้านคุณธรรมจริยธรรมและการมีส่วนร่วมในด้านสังคม ด้านที่ 2. ความรู้ความสามารถ แบ่งเป็นแฟ้มสะสมงาน วุฒิบัตรความรู้ความสามารถของครูให้ค่าน้ำหนักร้อยละ 50 และ 3. ด้านผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ค่าน้ำหนักร้อยละ 60 และผลงานทางวิชาการ ค่าน้ำหนักร้อยละ 40 โดยเกณฑ์ตัดสินด้านนี้ต้องได้ คะแนนประเมินผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ทั้ง 2 ส่วน และคะแนนรวมเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ผู้ขอรับการประเมินจะต้องได้ คะแนนแต่ละด้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 70ปลัดกระทรวงศึกษาฯ กล่าวด้วยว่า เกณฑ์ใหม่ จะมีระบบ Fast track ให้ครูสามารถเลื่อนประเมินข้ามวิทยฐานะได้ เช่น ระดับชำนาญการ ขอเสนอประเมินระดับเชี่ยวชาญได้ หรือชำนาญการพิเศษเสนอวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษได้ ซึ่งเกณฑ์ปัจจุบันไม่ได้เปิดช่องไว้ให้ ถ้าที่ประชุม ก.ค.ศ.เห็นชอบเกณฑ์ใหม่ ก.ค.ศ.ต้องทำรายละเอียดต่างๆ จากนั้นจะจัดทำคู่มือแนวปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนว่าการประเมินวิทยฐานะชำนาญการพิเศษจะเน้นงานวิจัยในหน้าที่การสอนของครู ไม่ใช่งานวิจัยที่เป็นเล่มหนาๆ และจะจัดอบรมทำผลงานวิชาการแบบอีเทรนนิ่งให้กับครูด้วย.จะมีระบบ Fast track ให้ครูสามารถเลื่อนประเมินข้ามวิทยฐานะได้ เช่น ระดับชำนาญการ ขอเสนอประเมินระดับเชี่ยวชาญได้ ...ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เผยภายหลังการประชุม อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจ เพื่อพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนวิทยฐานะว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีและเลื่อนวิทยฐานะ ว 2 ที่เดิมจะประกาศใช้ในเดือน ต.ค. 2551 แต่ต้องชะลอไว้ก่อนเพื่อปรับปรุงใหม่ โดยในการประชุมได้นำข้อมูลจากการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริหาร ครู ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสมาคมและสมาพันธ์ครู เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. มาประกอบการพิจารณา ซึ่งได้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมชัดเจนแล้ว และจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาวันที่ 29 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้กรอบเกณฑ์ใหม่จะเน้น 3 ด้านหลัก คือ 1. ด้านวินัย คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จะดูจากทะเบียนประวัติ การประเมินด้านคุณธรรมจริยธรรมและการมีส่วนร่วมในด้านสังคม ด้านที่ 2. ความรู้ความสามารถ แบ่งเป็นแฟ้มสะสมงาน วุฒิบัตรความรู้ความสามารถของครูให้ค่าน้ำหนักร้อยละ 50 และ 3. ด้านผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ค่าน้ำหนักร้อยละ 60 และผลงานทางวิชาการ ค่าน้ำหนักร้อยละ 40 โดยเกณฑ์ตัดสินด้านนี้ต้องได้ คะแนนประเมินผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ทั้ง 2 ส่วน และคะแนนรวมเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ผู้ขอรับการประเมินจะต้องได้ คะแนนแต่ละด้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 70ปลัดกระทรวงศึกษาฯ กล่าวด้วยว่า เกณฑ์ใหม่ จะมีระบบ Fast track ให้ครูสามารถเลื่อนประเมินข้ามวิทยฐานะได้ เช่น ระดับชำนาญการ ขอเสนอประเมินระดับเชี่ยวชาญได้ หรือชำนาญการพิเศษเสนอวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษได้ ซึ่งเกณฑ์ปัจจุบันไม่ได้เปิดช่องไว้ให้ ถ้าที่ประชุม ก.ค.ศ.เห็นชอบเกณฑ์ใหม่ ก.ค.ศ.ต้องทำรายละเอียดต่างๆ จากนั้นจะจัดทำคู่มือแนวปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนว่าการประเมินวิทยฐานะชำนาญการพิเศษจะเน้นงานวิจัยในหน้าที่การสอนของครู ไม่ใช่งานวิจัยที่เป็นเล่มหนาๆ และจะจัดอบรมทำผลงานวิชาการแบบอีเทรนนิ่งให้กับครูด้วย.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิถุนายน 2552

สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด

สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด (Star Fashion)
รู้สึกไหมเวลาทำงานเยอะ คิดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องใช้สมองในการทำงาน พอนานไปมักจะคิดอะไรไม่ค่อยจะออก หรือที่หลายคนเรียกว่าความคิดเริ่มต้นๆ ไม่ไฟแรงไอเดีย กระฉูดเหมือนเด็กใหม่ จริงๆ แล้วไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถที่จะทำให้สมองความคิด จินตนาการของคุณโลดแล่นได้เสมอๆ เพียงแค่หมั่นฝึกและพัฒนาสมองให้ถูกวิธีเท่านั้นเองค่ะ

ลดปริมาณแอลกอฮอล์ เพราะจะส่งผลต่อการปลดปล่อยสาระสำคัญในสมอง โดยจะไปขัดขวางความสามารถในการสร้างความจำใหม่ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ ตัวเลขและเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการระลึกเหตุการณ์หรือเรื่องราวเก่าๆ ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปอีกด้วย

บริหารสมองอย่างสม่ำเสมอ รู้หรือไม่ว่ายิ่งเราใช้สมองมากและบ่อยเท่าไหร่เซลล์สมองก็จะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย หากิจกรรมยามว่างที่คุณและเพื่อนๆ ชื่นชอบ เช่น การเล่นหมากฮอสต่อจิ๊กซอว์ หรือเล่นคอรสเวิร์ดในเวลาว่าง

ทำสมาธิ สมองของคนเรานั้นทำงานที่ความถี่หรือคลื่นสมองที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำหรือคิดอยู่ ภายใต้ความเครียดที่เกิดขึ้นคลื่นเบต้าของสมองจะทำงานเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สมองลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นเราควรคิดให้ช้าลงโดยการทำสมาธิ หลับตาลงช้าๆ หายใจเข้าเบาๆ ช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ปลายจมูก จากนั้นหายใจออกช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ช่องจมูกทางขวา จากนั้นหายใจเข้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เวลาผ่อนลมหายใจออกให้ตั้งสติที่ช่องจมูกทางซ้าย ทำเช่นนี้สลับกันประมาณ 10 นาทีทุกวัน รับรองว่าสมองดื้อๆ ตันๆ จะกลับมาโล่งโปร่งใสเหมือนเดิมค่ะ!

ออกกำลังกาย ขณะที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหวนั้นสมองจะได้รับเลือดมากเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าสมองจะได้รับกลูโคสและออกซิเจนมากขึ้นทำให้สมองแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกายยังไปเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นความจำของสารเคมีในสมองที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor ให้ทำงานได้ดีขึ้นแต่การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไปกลับไม่เกิดประโยชน์ต่อระบบความจำด้วยเช่นกัน

จดบันทึกช่วยจำ เพราะโดยธรรมชาติของสมองเรานั้นเมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตรงหน้า ความสามารถในการจดจำสิ่งอื่นก็จะลดลง ฉะนั้นการย้ายข้อมูลจากสมองมาเก็บไว้ในสมุดบันทึกอย่างคอมพิวเตอร์ ปาล์ม สมุดโน้ตหรือโทรศัพท์มือถือก็เหมือนเป็นการช่วยลดความหนาแน่นของข้อมูล หรือเพิ่มพื้นที่ว่างในสมองเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Star Fashion