คู่มือประกันคุณภาพ


           คำว่า  ประกัน  ในภาษาอังกฤษมี  2  คำ  คือ  “Insure”  กับ  “Assure”

          Insure  ภาษาไทยใช้คำว่า  ประกัน  โดยมุ่งที่ประกันชีวิต  ประกันอุบัติเหตุ  ประกันวินาศภัย

          Assure  ภาษาไทยใช้คำว่า  ประกัน  เช่นกัน  แต่มุ่งที่ให้ความมั่นใจแก่เจ้าของเงินว่า  ผลผลิตของหน่วยงานน่าจะมีคุณภาพ

          ดังนั้น  การประกันคุณภาพ  (Quality  Assurance)  การศึกษาของโรงเรียนจึงเป็นการให้หลักฐาน  ข้อมูล  แก่ประชาชนว่าบุคคลในโรงเรียนทำงานอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้ผู้ปกครอง  นักเรียน  และสาธารณะชนมั่นใจว่านักเรียนน่าจะมีคุณภาพตามที่ระบุไว้ในหลักสูตรและมาตรฐานคุณภาพการศึกษา และสามารถดำเนินการให้เกิดคุณภาพการศึกษาตามบทบาทหน้าที่ของครูในระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก พร้อมทั้งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ความหมายและความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา

          รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 81 ได้กำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาอบรมและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิด ความรู้คู่คุณธรรมและจัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งนำไปสู่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 ก่อให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ที่มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษา คือ ได้กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542: มาตรา 47)

ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา

          หมายถึง การบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการทางการศึกษา ทั้งผู้รับบริการโดยตรง ได้แก่ ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผู้รับบริการทางอ้อม ได้แก่ สถานประกอบการ ประชาชน และสังคมโดยรวม

ความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา

          มีความสำคัญ 3 ประการ คือ

1.ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลคุณภาพการศึกษาที่เชื่อถือได้ เกิดความเชื่อมั่นและสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน

2.ป้องกันการจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและเกิดความเสมอภาคในโอกาสที่จะได้รับการบริการการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง

3.ทำให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษามุ่งบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพและมาตรฐานอย่างจริงจัง ซึ่งมีผลให้การศึกษามีพลังที่จะพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง

          การประกันคุณภาพการศึกษาจึงเป็นการบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการการศึกษา ทั้งยังเป็นการป้องกันการจัดการศึกษาที่ด้อยคุณภาพและสร้างสรรค์การศึกษาให้เป็นกลไกที่มีพลังในการพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น

การประกันคุณภาพการศึกษาเกี่ยวข้องกับ

การดำเนินการที่สำคัญ 2 เรื่องดังนี้

1.การกำหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษาซึ่งหลักปฏิบัติทั่วไปจะกำหนดโดยองค์คณะบุคคล ผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้มีประสบการณ์ ในระบบการศึกษาไทยตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 กำหนดให้กระทรวงการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นผู้กำหนดมาตรฐานการศึกษา (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 : มาตรา 31) โดยมีสภาการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งชาติ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและคณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นผู้พิจารณาเสนอตามลำดับสายงาน (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542: มาตรา 34)

2.กระบวนการตรวจสอบและประเมินการดำเนินการจัดการศึกษาว่าเป็นไปตามมาตรฐาน คุณภาพการศึกษามากน้อยเพียงไร   พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542    ได้กำหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษา  จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายใน  เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 : มาตรา 48) และให้มีการประเมินคุณภาพภายนอก ของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุก 5 ปี โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 : มาตรา 49)

ระบบและกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา

          ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาไทยตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 มาตรา 47 ประกอบด้วย 2 ระบบคือ 1.ระบบการประกันคุณภาพภายในและ 2. ระบบการประกันคุณภาพภายนอก

 กระบวนการประกันคุณภาพภายใน

          ระบบการประกันคุณภาพภายใน หมายถึง ระบบการประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเองหรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 : มาตรา 4)

          สถานศึกษาจะต้องพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารและการปฏิบัติงาน โดยคำนึงถึงหลักการและกระบวนการดังต่อไปนี้

          1.หลักการสำคัญของการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษามี 3 ประการ คือ

(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ  2543 : 11)

1.1 จุดมุ่งหมายของการประกันคุณภาพภายใน คือ การที่สถานศึกษาร่วมกันพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ไม่ใช่การจับผิดหรือทำให้บุคลากรเสียหน้า โดยเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ การพัฒนาคุณภาพให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน

1.2 การที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตามข้อ 1.1 ต้องทำให้การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารจัดการและการทำงานของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาไม่ใช่เป็นกระบวนการที่แยกส่วนมาจากการดำเนินงานตามปกติของสถานศึกษาโดยสถานศึกษาจะต้องวางแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการที่มีเป้าหมายชัดเจน ทำตามแผนตรวจสอบประเมินผลและพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบที่มีความโปร่งใสและมีจิตสำนึกในการพัฒนาคุณภาพการทำงาน

1.3 การประกันคุณภาพเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู อาจารย์และบุคลากรอื่นๆ ในสถานศึกษาโดยในการดำเนินงานจะต้องให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้เรียน ชุมชน เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย วางแผน ติดตามประเมินผลพัฒนาปรับปรุง ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันผลักดันให้สถานศึกษามีคุณภาพ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ เป็นไปตามความต้องการของผู้ปกครอง สังคม และประเทศชาติ

          2. กระบวนการการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของการประกันคุณภาพ มี 3 ขั้นตอนคือ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ  2543 :7)

2.1 การควบคุมคุณภาพ เป็นการกำหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เข้าสู่มาตรฐาน

2.2 การตรวจสอบคุณภาพ เป็นการตรวจสอบ และติดตามผลการดำเนินงานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

2.3 การประเมินคุณภาพ เป็นการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาโดยสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดในระดับเขตพื้นที่การศึกษาฯ และระดับกระทรวง

          3. กระบวนการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของหลักการบริหารที่เป็นกระบวนการครบวงจร (PDCA) ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ

3.1 การร่วมกันวางแผน (Planning)

3.2 การร่วมกันปฏิบัติตามแผน (Doing)

3.3 การร่วมกันตรวจสอบ (Checking)

3.4 การร่วมกันปรับปรุง (Action)         

ดังนั้นยุทธศาสตร์ที่สำคัญสู่การปฏิรูปการศึกษายุทธศาสตร์หนึ่ง คือ การพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาวงจร(cycle)ของการพัฒนา และในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า วงจรเชิงคุณภาพที่เป็นวงจร PDCA เป็นที่นิยม และได้มีการนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาหลายๆเรื่อง ในระบบประกันคุณภาพการศึกษาก็เช่นเดียวกัน ได้ประยุกต์ใช้วงจรเชิงคุณภาพ(PDCA) มาจัดสร้างแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาในทุกๆขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นระบบการประเมินคุณภาพภายในหรือโดยหน่วยงานภายนอกก็ตาม หลักการการนำวงจรเชิงคุณภาพ(PDCA)ไปใช้พัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษา มีดังต่อไปนี้

 แนวคิดหลักของวงจร PDCA  ( 4 แนวคิด)


แนวคิดที่ 1  : วงจร PDCA ต้องเป็นลำดับ และเป็นวงจรที่ต่อเนื่องไปมา(Looping) และจุดเชื่อมต่อ ต้องมีความสัมพันธ์กัน

หลักการข้อนี้  หมายถึงว่า การพัฒนางานใดๆชิ้นหนึ่ง จะต้องมีลำดับ หากเป็นการพัฒนาครั้งแรก  ก็ต้องเริ่มจาก การวางแผน(P)(Plan) เมื่อมีการวางแผนแล้วก็ต้องมี การนำสิ่งที่วางแผนไว้ ไปดำเนินการตามแผน คือ D หรือ Do และเมื่อดำเนินการไปจนเสร็จหนึ่งช่วง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่รับผิดชอบ/เกี่ยวข้อง ต้องมีการตรวจสอบ ประเมินว่า สิ่งที่ดำเนินการไปนั้น ได้ผลเป็นอย่างไร ก็คือ มีตัว C หรือ Check นั่นเอง  และตรวจสอบประเมินสิ่งนั้นแล้ว ได้พบข้อผิดพลาด ข้อสังเกตต่างๆ ก็ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป คือ มี A(Action)เกิดขึ้น เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว แสดงว่า วงจรเชิงคุณภาพเกิดขึ้นแล้วในระดับหนึ่ง(period) แต่วงจรเชิงคุณภาพที่สมบูรณ์ ต้องไม่หยุดนิ่ง(static) ต้องเป็นกลไกต่อเนื่อง(dynamic) เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่อง ดังนั้น หลังจากผ่านขั้นตอนครบ 1 วงจร(PDCA) ก็ต้องนำ เอาตัว A สุดท้ายไปวางแผน ปรับปรุงงานต่อไป นั่นก็คือ เกิดวงจรใหม่(reproduction) คือ เริ่ม P(Plan)อีกครั้งหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม(timing)

แนวคิดที่ 2 : ในแต่ละขั้นของวงจร PDCA  ยังสามารถพิจารณาได้ว่า มีวงจรเชิงคุณภาพซ้อนอยู่ได้

หมายความว่า แม้ในแต่ละขั้น ไม่ว่า P,D,C หรือ A หากวิเคราะห์แยกแยะไปอย่างละเอียด จะพบว่า มันยังประกอบไปด้วย P D C A เล็กๆอยู่ภายใน เช่น ในขั้นตอนของ D อาจมี PDCA ของ D อยู่ภายใน แปลความได้ว่า ในขั้นตอนการดำเนินงาน(D) ยังมีการวางแผนขั้นตอนการดำเนินงาน,มีการปฏิบัติตามขั้นตอนการดำเนินงาน,มีการกำกับติดตามตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินงาน และมีการปรับปรุงแก้ไขขั้นตอนการดำเนินงานอยู่ตลอดเวลา

 แนวคิดที่ 3 : ใน 1 วงจร(PDCA) ต้องมี เป้าหมายหรือ ภาพความสำเร็จร่วมกัน ผู้เกี่ยวข้องทุกคนต้องมี ภาพหรือ เป้าเดียวกันและชัดเจน   หมายความว่า ผู้เกี่ยวข้องทุกคนทุกฝ่าย ทั้งในและนอกสถานศึกษา ต้องมองเห็นตรงกันว่า สิ่งที่ร่วมกันพัฒนานั้น ทำไปเพื่ออะไร  และจะได้อะไร ต้องตรงกันตลอดเวลาขณะปฏิบัติงานชิ้นนั้น

แนวคิดที่ 4 : ทุกขั้นตอนของ P หรือ D หรือ C หรือ A สามารถตีความ(define)ได้ว่า เป็น ขั้นตอนการพัฒนาหรือ Attempt ได้ทั้งนั้น แนวคิดนี้ ต้องการมาเน้นย้ำให้ชัดเจนขึ้น  มีการกล่าวถึงระบบการพัฒนาแบบ 3A คือ Awareness ,Attempt และ Achievement    หากได้ดำเนินการพัฒนาชิ้นงานตามวงจรเชิงคุณภาพแล้ว ไม่ว่าขั้นตอนใด ก็เป็น หรือสามารถนำมาเป็นขั้น Attemptได้ ขอให้เป็นวงจร PDCA ที่อยู่บนเงื่อนไข 3 เงื่อนไข ดังนี้

1.       School-based Attempts (SBA)

2.       Timing Attempts (TA) และ

3.       PDCA Attempts (PDCAA)

หมายความว่า ความพยายามใดๆเพื่อพัฒนางานให้ดีขึ้นชิ้นหนึ่ง ได้จัดทำขึ้น โดยที่อาศัยวงจรเชิงคุณภาพ(PDCA)เป็นหลัก และเป็นวงจรที่มีความสัมพันธ์กัน และเลือกพยายามพัฒนา(Attempt)ในแนวทางที่เกิดจากความพร้อม ความต้องการและความจำเป็นที่เหมาะสมบนฐานของทรัพยากรทั้งปวง ณ ที่สถานศึกษานั้นๆมี (อ้างอิง นายไพโรจน์ พิทักษ์ทวยหาญ ศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา จังหวัดลำพูน)

ขั้นตอนการดำเนินการประกันคุณภาพภายใน มีรายละเอียด ดังนี้

          1.ขั้นการเตรียมการ ซึ่งการเตรียมการที่มีความสำคัญ คือ

1.1 การเตรียมความพร้อมของบุคลากร โดยต้องสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการประกันคุณภาพภายในและการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะจัดทำการชี้แจงทำความเข้าใจโดยใช้บุคลากรภายในสถานศึกษาหรือวิทยากรมืออาชีพจากภายนอก โดยบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมรับทราบพร้อมกัน และต้องพัฒนาความรู้ ทักษะเกี่ยวกับการประกันคุณภาพภายในให้บุคลากรทุกคนเกิดความมั่นใจในการดำเนินงานประกันคุณภาพด้วยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาและแผนปฏิบัติการในแต่ละปี ต่อมาเน้นเนื้อหาการกำหนดกรอบและแผนการประเมิน การสร้างเครื่องมือประเมินและการรวบรวมข้อมูล ในช่วงท้ายเน้นเรื่องเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอผลการประเมินและการเขียนรายงานผลการประเมินตนเอง (Self   Study  Report)

1.2 การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้รับผิดชอบในการประสานงาน กำกับดูแล ช่วยเหลือสนับสนุนให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันและเชื่อมโยงเป็นทีม โดยการตั้งคณะกรรมการควรพิจารณาตามแผนภูมิโครงสร้างการบริหารซึ่งฝ่ายที่รับผิดชอบงานใดควรเป็นกรรมการรับผิดชอบการพัฒนาและประเมินคุณภาพงานนั้น
  

           2. ขั้นการดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอน

2.1 การวางแผน จะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบงาน ระยะเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ สำหรับแผนต่างๆ ที่ควรจัดทำคือ แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา แผนปฏิบัติการประจำปี แผนการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสถานศึกษา แผนการประเมินคุณภาพและแผนงบประมาณ เป็นต้น

2.2 การปฏิบัติตามแผน ซึ่งในขณะดำเนินการต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลาและผู้บริหารควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรทุกคนทำงานอย่างมีความสุข จัดสิ่งอำนวยความสะดวก สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการปฏิบัติ กำกับ ติดตามการทำงานทั้งระดับบุคลากร รายกลุ่ม รายหมวด และให้การนิเทศ

2.3 การตรวจสอบประเมินผล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเพราะจะทำให้ได้ข้อมูลย้อนกลับที่แสดงว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาบรรลุเป้าหมายเพียงใด โดยการประเมินต้องจัดวางกรอบการประเมิน จัดหาหรือจัดทำเครื่องมือ จัดเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แปลความข้อมูล และการตรวจสอบ ปรับปรุงคุณภาพการประเมิน

2.4 การนำผลการประเมินมาปรับปรุงงาน เมื่อแต่ละฝ่ายประเมินผลเสร็จแล้วจะส่งผลให้คณะกรรมการรับผิดชอบนำไปวิเคราะห์ สังเคราะห์และแปลผลแล้วนำเสนอผลต่อผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำไปปรับปรุงการปฏิบัติงานของผู้บริหารและบุคลากร นำไปวางแผนในระยะต่อไป และจัดทำเป็นข้อมูลสารสนเทศหรือการเขียนรายงานประเมินตนเอง

          3. ขั้นการจัดทำรายงานประเมินตนเองหรือรายงานประจำปี 

          เมื่อสถานศึกษาดำเนินการประเมินผลภายในเสร็จแล้วจะจัดทำรายงาน โดยเริ่มจากรวบรวมผลการดำเนินงานและผลการประเมินมาวิเคราะห์จำแนกตามมาตรฐานการศึกษาและเขียนรายงานการประเมินตนเองพร้อมส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

บทบาทหน้าที่ของครูในการประกันคุณภาพภายในควรเป็นดังนี้

          1.มีการเตรียมความพร้อมของตนเอง โดยทำการศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ วิธีการ ขั้นตอนในการประเมินผลภายใน รวมทั้งพยายามสร้างเจตคติที่ดีต่อการประเมินภายใน

          2.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการให้ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปที่คณะกรรมการประเมินผลภายในต้องการ

          3.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งของการประเมินผลภายใน เช่น เข้าร่วมพิจารณาจัดทำปฏิทินการปฏิบัติงานด้านการประเมินผลภายในสถานศึกษา ร่วมกันพิจารณาจัดสร้างเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลลักษณะต่างๆ ในกระบวนการประเมินผลภายใน ร่วมกันทำการสำรวจเก็บข้อมูลที่คณะกรรมการสำรวจ ร่วมกันทำการวิเคราะห์ข้อมูล (หากมีความรู้ด้านการวิเคราะห์) ร่วมกันสรุปผลการประเมิน เป็นต้น

          4.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา ในการร่วมกันกำหนดจุดประสงค์ กำหนดมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในการประเมินด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษาเอง และร่วมกันกำหนดเกณฑ์การตัดสินมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในด้านต่าง ๆ

          5.ปฏิบัติหน้าที่หลักหรือหน้าที่ประจำที่รับผิดชอบอย่างมีระบบ ตามกระบวนการและสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา เช่น ในหน้าที่การสอนต้องมีการพัฒนาหลักสูตรและแผนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ จัดเตรียมเนื้อหาสาระที่ถูกต้องเหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดทำสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพตรงตามจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดกิจกรรม วิธีการเรียนรู้ที่สร้างให้ผู้เรียนเกิดการค้นคว้าหาความรู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง เลือกวิธีการประเมินผลการเรียนหลากหลายและเหมาะสมรวบรวมผลสรุปผล ประเมินการเรียนการสอน พฤติกรรมของผู้เรียน นำผลการประเมินมาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

             ดังนั้น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจึงได้จัดทำคู่มือการประกันคุณภาพภายในขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบ ควบคุมระบบและการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ในการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรในสังกัดที่จะใช้เป็นแนวทางการศึกษา ค้นคว้าเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน และพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง โดยกศน.เนินมะปรางได้มอบหมายให้มีครูผู้รับผิดชอบในแต่ละมาตรฐานและตัวบ่งชี้ได้ทำการวิเคราะห์เอกสาร หลักฐาน ร่องรอย เพื่อง่ายต่อการออกแบบเครื่องมือในการจัดทำเพื่อหาค่าคะแนนระดับคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด

แบบฟอร์มและรายงานผลการดำเนินงาน ตาม iw-plan


แบบฟอร์ม  IW-PLAN ประจำเดือน ..........พ.ศ. ๒๕๕๖

ของ............................................ตำบล.........................................

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเนินมะปราง จ.พิษณุโลก

.........................................................................................................................................................................

วัน/เดือน/ปี
งานในหน้าที่
งานที่มอบหมาย
งานอื่นๆ
๑ พ.ค.๕๖
 
 
 
 
 
 
 
 

๒ พ.ค.๕๖
 
 
 
 
 
 
 
๓ พ.ค.๕๖
ทำอะไร (ภารกิจ/งาน/กิจกรรม/การติดต่อประสานงานฯลฯ)
ที่ไหน(สถานที่ ทำภารกิจ/งาน/กิจกรรม/ประสานงานฯลฯ)
หมายเหตุ.....................
................................
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ทำอะไร (ภารกิจ/งาน/กิจกรรม/การติดต่อประสานงานฯลฯ)
ที่ไหน(สถานที่ ทำภารกิจ/งาน/กิจกรรม/ประสานงานฯลฯ)
หมายเหตุ.....................
.................................
ทำอะไร (ภารกิจ/งาน/กิจกรรม/การติดต่อประสานงานฯลฯ)
ที่ไหน(สถานที่ ทำภารกิจ/งาน/กิจกรรม/ประสานงานฯลฯ)
หมายเหตุ.....................
.................................

หมายเหตุ ๑. ถ้าไม่มีกิจกรรม/งานในประเภทต่างๆ ก็ให้ระบุว่าเป็นวันหยุด/วันนักขัตฤกษ์หรือไปราชการเป็นต้น

            ๒. อาจมีงานกิจกรรมประเภทใดประเภทหนึ่งก็ได้ในแต่ละวัน...ไม่ได้บังคับว่าต้องทำ ๓ ประเภทงานในวันเดียวกัน

            ๓. เขียนทุกวันในแต่ละเดือน รวมถึงวันหยุดกรณี ที่มีการทำงาน/กิจกรรม หรือกรณีครูมีความรับผิดชอบเร่งงานให้เสร็จทันกำหนด

แบบรายงานผลการดำเนินงานตาม IW-PLAN เดือน.....................พ.ศ. ๒๕๕๖

ของ........................................................ตำบล

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเนินมะปราง

.........................................................................................................................................

วัน/เดือน/ปี
งานในหน้าที่
งานที่มอบหมาย
งานอื่นๆ
๑ พ.ค. ๕๖
รายละเอียดของงานตามแบบการทำ IW- PLAN
 
ผลการดำเนินงาน
ปริมาณ/เรื่อง/กิจกรรม/การติดต่อ/ประสานงานหรือระดับความสำเร็จในการทำงาน ฯลฯ
 
 

 

 หมายเหตุ  ๑. แบบฟอร์มการรายงานผลการดำเนินงานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยนำไปรวมกับแบบฟอร์มการทำ IW-PLAN ตามแบบที่ ๑ เขียนเพิ่มเติมในส่วนหัว ว่า IW-PLAN และการรายงานผลการดำเนินงาน ประจำเดือน.............พ.ศ. ๒๕๕๖

               ๒.  กรณีใช้แบบตามที่เปลี่ยนแปลงในข้อ ๑ การรายงานผลใช้ แทนที่คำ หมายเหตุ

               ๓. การเปลี่ยนแปลงแบบ สะดวกในการบันทึกและรายงานผล เนื่องจากลดการพิมพ์รายละเอียดของงาน

               ๔. ครูแต่ละคนสามารถเลือกแบบได้ตามความเหมาะสม